วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ฟังให้ได้ยินและทำตาม

ฟังให้ได้ยินและทำตาม

มัทธิว 7.24-27
คำนำ

1. วันนี้เป็นวันระลึกอนุชน สภาคริสตจักรฯ อนุชนเป็นอนาคตของคริสตจักร ต้องวางรากฐานที่ดี ฝึกฝนชีวิตและการรับใช้. สร้างอนุชนในวันนี้เพื่อจะไม่เสียใจในวันหน้า ขอพระเจ้าอวยพรอนุชนทุกคน(อนุชนยืนขึ้น)

2. ยินดีต้อนรับสู่ซีรีย์การเสริมสร้างชีวิตตอน 3 "ฟังให้ได้ยินและทำตาม" (ความบกพร่องฝ่ายวิญญาณ อาหารฝ่ายวิญญาณ)

3. มีคนกล่าวว่าอย่าฟังด้วยหูเท่านั้นแต่จงฟังด้วยตาและด้วยใจ เพราะการฟังเพียงหูอาจจะไม่ได้ยินและไม่เข้าใจ มีการทำวิจัยพบว่าสิ่งที่เราฟังเมื่อเวลาผ่านไป 72 ชั่วโมง เราจะจำได้ 5 % ของสิ่งที่เราฟัง

คนในปัจจุบันฟังด้วยตามากขึ้น เพราะเทคโนโลยี่การสื่อสารทันสมัยมากขึ้น ทำให้คนเห็นอะไรๆได้ง่าย กว้าง ไกลขึ้น คนจึงเชื่อในสิ่งที่ตนเห็นมากกว่าสิ่งที่ตนฟัง ดังนั้นจึง"ดีแต่พูด" หรือ"ดีแต่โม้" ไม่ได้ ต้องมีการกระทำให้เห็นเป็นประจักษ์คนจึงจะเชื่อ ถ้าเราบอกว่าพระเจ้าดีเราต้องดีด้วยคนจึงจะเชื่อว่าพระเจ้าดีจริง

ในพระคัมภีร์ พระเยซูได้กล่าวถึงคนฉลาดที่รู้จักฟังให้ได้ยินแล้วทำตามสิ่งที่ตนเองได้ยินจากพระเยซูจึงทำให้ชีวิตมีความมั่นคง

จากพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้จะเห็นถึงวิธีที่ทำให้ชีวิตของเรามีความมั่นคง เจริญขึ้น พบความสำเร็จ อย่างน้อย 2 ประการ คือ...
1 ฟังพระคัมภีร์จนได้ยินเสียงของพระเจ้า

เราสามารถฟังพระวจนะได้หลายทาง จากการอ่าน ฟังเทศน์ ศึกษา สนทนาธรรม แต่สิ่งสำคัญยิ่งที่จะทำให้เราได้มีความมั่นคงในชีวิตนั้นเราต้องได้ยินเสียงแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเยซูได้ตรัสถึงคนที่ได้ยินคำของพระองค์ คำว่า"ได้ยิน"(อคูเอโอ) ฟังตลอดเวลา คือ ให้พระคำเข้าหู เข้าหัว และ เข้าใจ understand(อยู่ใต้ธรรมมาส)กลายเป็นปัญญา wisdom ไม่ใช่ เป็นเพียง knowledge ที่เป็นเพียงความรู้ ซึ่งบางเรื่องเรามีมากพอแล้ว แต่ปัญญาจะทำให้เราเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า
ฟังพระวจนะอย่างไรจึงจะได้ยิน เข้าใจเกิดปัญญา และเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า

-ฟังอย่างตั้งใจ /ขะมักเขม้น/จดจ่อ/ใส่ใจ แบบคริสเตียนสมัยแรก

-ฟังอย่างถ่อมใจ/เปิดใจออก/รับเอาพระวจนะเข้าไปในจิตใจ น้อมรับพระวจนะว่าเป็นพระดำรัสของพระเจ้า

-ฟังด้วยความเชื่อศรัทธาเลื่อมใสเหมือนชาวเธสะโลนิกาที่มีใจศรัทธาในพระวจนะของพระเจ้าจึงค้นดูทุกวัน
2 ทำตามพระคัมภีร์จนชีวิตมีความมั่นคงในพระเจ้า

พระเยซูได้เปรียบเทียบคนที่ทำตามพระวจนะเหมือน"คนมีปัญญา"ที่สร้างบ้านไว้"บนศิลา" การสร้างบ้านบนศิลาเป็นการสร้างบ้านที่มั่นคง การสร้างบ้านบนทรายสร้างง่าย ลงทุนน้อย แต่ไม่มั่นคง การสร้างบ้านบนศิลาสร้างไม่ง่าย ต้องลงทุนมากกว่าแต่มีความมั่นคง ต้องขน(ขนขึ้นภูเขา)ต้องขุด ต้องเจาะ (ขุดเจาะลงไปในหิน) เพื่อจะวางรากฐานให้มั่นคง

 
เราจะทำตามพระวจนะของพระเจ้าอย่างไร?

-ทำตามอย่างพินิจพิจารณาและตั้งมั่น (ยากอบ 1.25) "แต่ผู้ที่พนิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นบัญญัติแห่งเสรีภาพและตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ฟังแล้วก็ลืมแต่เป็นผู้ที่ประพฤติตามผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤตินั้น"
-ทำตามทั้งหมด ทุกประการ ไม่หลีกเลี่ยง ไม่ตัดทอน ไม่ลดคุณค่าของพระวจนะ(โยชูวา 1.7-8)"เพียงแต่จงเข้มแข็งและกล้าหาญยิ่งเถิด ระวังที่จะกระทำตามพระวจนะทั้งหมด ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของเราได้บัญชาเจ้าไว้นั้น อย่าหลีกเลี่ยงจากธรรมบัญญัตินั้นไปทางขวามือหรือซ้ายมือ เพื่อเจ้าจะได้รับความสำเร็จอย่างดีในทุกแห่งที่เจ้าไป อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า แต่จงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะกระทำตามข้อความทุกประการที่เขียนไว้นั้นแล้วเจ้าจะมีความเจริญและประสบความสำเร็จ"

การทำตามพระวจนะทั้งหมดของพระเจ้า จะทำให้ชีวิตได้รับพระพร รับความสุข ประสบความสำเร็จและความเจริญขึ้น
สรุป การได้ยินและทำตามพระวจนะของพระเจ้า จะทำให้ชีวิตของเรามีความมั่นคง ทั้งกาย จิตใจและวิญญาณ เมื่อชีวิตมีความมั่นคงแล้วก็ตั้งมั่นอยู่ได้แม้ต้องเผชิญกับคลื่นลม มรสุม กระแสอุปสรรคปัญหา ความทุกข์ยากลำบาก ชีวิตก็ไม่หวั่นไหวเพราะชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

ภูมิคุ้มกัน(ฝ่ายวิญญาณ)บกพร่อง

ภูมิคุ้มกัน(ฝ่ายวิญญาณ)บกพร่อง


มัทธิว 5:3

คำนำ เมื่อกล่าวถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทาน มีหลายโรค เช่น โรคภูมิแพ้ โรคแพ้ภูมิตนเอง(SLE)โรคเอดส์เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง(HIV) เป็นต้น ในร่างกายของเรามีเม็ดเลือดขาว(CD4) ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย และทำลายเชื้อโรคนั้น ทำให้คนเราไม่เจ็บป่วย แต่เมื่อคนใดรับเชื้อไวรัส HIV (HIV ย่อจาก Human immunodeficiency virus) เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสื่อม หรือบกพร่องลง เป็นผลทำให้เป็นโรคติดเชื้อ หรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ อาการมักจะรุนแรง และเรื้อรัง เราเรียกว่าเอดส์ (AIDS) ย่อมาจากคำว่า Acquired immunodeficiency syndrome ซึ่งแปลว่า “กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง” เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี คนที่เป็นโรคเอดส์ ถ้าไม่ได้กินยาต้านไวรัส และดูแลรักษาสุขภาพให้ดีก็จะเสียชีวิตในที่สุด

โรคเอดส์ทำให้คนเป็นตาย (ถ้าไม่ได้รับการรักษา กินยาต้าน ดูแลสุขภาพ) โรค(ไวรัส)บาปก็ทำให้คนทุกคนตาย เพราะทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (รม.3.23)





โรคความบาป เป็นอาการของคนที่ติดเชื้อ “ไวรัสแห่งการไม่เชื่อฟังพระเจ้า” ที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตที่บกพร่องทั้ง ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ    ทำให้มนุษย์ต้องพบกับความไม่สมบูรณ์ของชีวิต ทำบาป พบกับความตายทั้งกาย ใจ และวิญญาณ



พระเยซูได้บอกวิธีรักษาโรคบาป ที่นำชีวิตไปสู่ความตาย พระเยซูบอกไวรัสฆ่าความบาป ไม่ใช่ต้านแบบไวรัสต้านเอดส์ แต่เป็นยาฆ่าความบาป คือ ความเชื่อในพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด



วิธีกินยาต้านไวรัสเอดส์

1. CD4 ต้องต่ำกว่า 250 (300)

2. กินตรงเวลา ระยะห่างกัน 12 ชม.

3. กินตลอดชีวิต



มัทธิว 5.3 พระเยซู เริ่มต้นคำเทศนาของพระองค์ด้วยเรื่องการรู้สึกตัวว่า “บกพร่องฝ่ายวิญญาณ” หรือความยากจนในวิญญาณ (The poor in spirit) จะเป็นสุข หรือได้รับพระพร (Bless)     เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา

จากพระวจนะของพระเจ้า พระเยซูได้บอกวิธีกินยาต้านความบาป 3 ประการ ดังนี้





1. รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ

- ยอมรับว่าตนเองบกพร่อง ผิดบาป ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องรับการช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์

- การยอมรับว่าตนเองบกพร่อง ไม่ใช่เรื่องน่าอาย อ่อนแอ แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย และต้องการเห็นท่าทีแบบนี้ขอเรา “จิตใจที่สำนึกผิด”

2. รับว่าตนเองบกพร่อง (เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการรักษา)

- เชื่อในพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด

- ยอมรับตนเองเพื่อเข้ารับการรักษาจากพระเยซูคริสต์

- อฟ.2:8-9 เรารอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ไช่ด้วยการกระทำของตนเอง

3. เริ่มต้นชีวิตใหม่กับพระเจ้าด้วยการดำเนินชีวิตสัมพันธ์สนิทกับพระเยซูคริสต์

- ยอมเปลี่ยนเส้นทางเดินชีวิตใหม่ เดินในวิถีชีวิตใหม่บนความสัมพันธ์และการติดตามพระเยซูคริสต์

- 2 คร.5:17-18 เรากำลังถูกสร้างใหม่ในพระเยซูคริสต์

- ยน.15.1-8 เราดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์

สรุป คนที่ได้รับการรักษาโรคบาปจากพระเยซูคริสต์ก็ไม่ต้องพบกับความตาย “ค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้า คือ ชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์” (รม.6.23)

คนที่ยอมรับว่าตนเองบกพร่อง แล้วรับการช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาจะได้รับพระพร ได้รับแผ่นดินสวรรค์ ได้ไปสวรรค์ อยู่สวรรค์กับพระเจ้า ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

ถ้าเราอยากได้รับพระพรจากพระเจ้า เราต้อง ยอมรับว่าเราบกพร่องฝ่ายวิญญาณ เข้ามารับการช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ และเริ่มต้นชีวิตใหม่    ดำเนินชีวิตบนความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์วันต่อวัน

อธิษฐาน...