วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คนเจ็บต้องการหมอ

คนเจ็บต้องการหมอ


ลูกา 5.27-32

คำนำ -มีใครที่ไม่เคยเจ็บป่วยบ้าง ?

-มีคนป่วย อยู่ สองประเภทที่น่าเป็นห่วง คือ

1. คนที่คิดว่าตัวป่วยอยู่ตลอดเวลา เป็นทุกโรค ป่วยทุกเรื่อง

2. คนที่คิดว่าตัวเองไม่ป่วย ทั้งที่ป่วยอยู่

พี่น้องเป็นคนป่วยประเภทใด ?

คนทั้งสองประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากหมออย่างเร่งด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาการอาจกำเริบและลุกลามจนรักษาไม่ได้

โรม 3 .23 23เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า ชาวยิวมีความเชื่อว่าความบาปเป็นสาเหตุสำคัญของความเจ็บป่วยต่างๆ ถ้าได้รับการยกบาป ก็จะได้รับการรักษาจากความเจ็บป่วย บางครั้งพระเยซูรักษาโรคด้วยการตรัสว่า “บุรุษเอ๋ยบาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” (ลูกา 5.20)

มนุษย์ทุกคนเป็นคนป่วย ทั้งป่วยกาย ป่วยใจ ป่วยจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความบาป จากอำนาจของมารซาตานที่ไม่ต้องการให้ชีวิตของมนุษย์ที่เป็นฝีพระหัตถ์การทรงสร้างที่ดีที่สุดของพระเจ้านั้น มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ มารซาตานพยายามที่จะ ลัก ฆ่า และทำลาย ความสมบูรณ์ที่เป็น พระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น โดยการล่อลวงให้มนุษย์ทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่ทำตามพระวจนะของพระเจ้า ต้องการทำตามใจปรารถนาของตนเอง

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นอาการป่วยฝ่ายวิญญาณของมนุษย์ คนบาป ที่แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนในปัจจุบันนี้ แต่บางคนอาจไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองป่วย และไม่คิดว่าตนเองป่วย จึงไม่ยอมเข้ารับการรักษา บางคนได้รับการรักษาแล้วแต่ไม่ยอมหาย กลายเป็นคนป่วยเรื้อรัง คิดว่าตัวเองป่วยอยู่เสมอ ทั้งที่พระเจ้ารักษาให้หายแล้ว

จากพระวจนะของพระเจ้าพระเยซู ได้บอกถึงท่าทีของคนป่วยฝ่ายวิญญาณที่จะได้รับการรักษาให้หายจากโรคบาป อย่างน้อย 2 ท่าที คือ (เราควรมีท่าทีอย่างไรเพื่อให้ได้รับการรักษาให้หายจากการป่วยฝ่ายวิญญาณ ? )

1. มีความต้องการ การรักษาจากพระเยซู ( ต้องการหมอ)

ความต้องการการรักษา หรือความต้องการหมอ มาจากความรู้สึกยอมรับว่าตนเองป่วย มัทธิว 5.3 3 “บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา การยอมรับว่าตนเองบกพร่อง ทำบาป อ่อนแอ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการแสดงความต้องการที่จะรับการรักษาให้หาย นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของตน ตรงกันข้ามกับการไม่ยอมรับ ปกปิด ซ่อนความเจ็บป่วยไว้ ก็ยิ่งทำให้อาการป่วยกำเริบขึ้นมากกว่าเดิม ปล่อยไว้จนสายเกินไปจนรักษาไม่ได้ ยิ่งอันตรายต่อชีวิตของเรา

2. เข้ารับการรักษาจากพระเยซู (เข้าสู่กระบวนการรักษา)

- รักษาตามวิธีการของพระเยซู “จงตามเรามา”

การรักษาคนป่วยด้านร่างกายในปัจจุบันนี้ อาจมีช่องทางการรักษาได้หลายช่องทาง จากแพทย์แผนไทย สมุนไพร แพทย์แผนปัจจุบัน หรือ ทางไสยศาสตร์ ก็ได้

แต่การรักษาโรคบาป อาการป่วยฝ่ายวิญญาณนั้น ต้องรับการรักษาด้วยวิธีการของพระเยซูเท่านั้น พระเยซูเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคบาป และรักษาให้หายขาดได้แน่นอน อาเมน หมออื่นๆ อาจช่วยลด บรรเทา แต่ไม่สามารถรักษาโรคบาปให้หายขาดได้ มีแต่ พระเยซูแพทย์ผู้ประเสริฐเท่านั้นที่รักษามนุษย์ทุกคนให้หายจากโรคบาปที่เป็นสามเหตุของอาการป่วยฝ่ายวิญญาณได้

- ลุกขึ้นจากสาเหตุที่ทำให้ป่วย (เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่เมื่อได้รับการรักษาแล้ว)

มีคนป่วยจำนวนมากที่ได้รักษาให้หายจากโรคแล้ว ยังกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมที่เป็นสาเหตุของการป่วย “เลวี”(ภาษาฮีบรู) หรือ “มัทธิว”(ภาษากรีก แปลว่า คนของพระเจ้า) เขาเป็นคนเก็บภาษี ชาวยิวถือว่าเป็นคนบาป เขาได้รับการรักษาโรคบาปจากการทรงเรียกของพระเยซูแล้ว เลวีได้สละสิ่งสาระพัดและลุกขึ้นตามพระเยซูไป

“เลวี” ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่ เชิญเพื่อนร่วมอาชีพเก็บภาษีและคนอื่นมาร่วมงาน เพื่อเป็นเกียรติยศแก่พระเยซูและประกาศตนเองว่าได้รับการรักษารับ การเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่จากพระเยซูแล้ว (กรณีของสักเศียสก็เช่นเดียวกัน) เขาได้แสดงออกถึงการกลับใจใหม่อย่างชัดเจน

และเราได้ทราบแล้วว่า เลวี หรือ มัทธิว คนนี้เป็น หนึ่งในสาวกสิบสองคนของพระเยซู ที่มีบทบาทสำคัญในการประกาศข่าวประเสริฐขยายแผ่นดินของพระเจ้าอย่างเกิดผล จากคนป่วยจากโรคบบาป กลายเป็นผู้ประกาศที่เกิดผล เขาเป็นคนเขียน พระธรรมมัทธิว เพื่อใช้ประกาศกับชาวยิว อย่างเกิดผลตลอด 15 ปีแห่งการรับใช้ก่อนสิ้นชีวิต (ซึ่งอาจเป็นที่ประเทศเอธิโอเปียที่ท่านเดินทางไปประกาศฯ โดยการถูกประหารชีวิตจากกษัตริย์ฮีร์กาตุส)

สรุป พี่น้องที่รักทั้งหลาย พระเยซูเสด็จมาเพื่อรักษาเราให้หายจากโรคแห่งความบาป เราทุกคนได้รับการรักษาให้หายจากโรคบาปแล้ว พระเยซูต้องการให้เราลุกขึ้นจากวิถีชีวิตเดิม เพื่อให้เราเดินตามพระองค์ไปบนวิถีทางของพระองค์เพื่อชีวิตของ พระเราจะพบกับพระพรของพระเจ้าและเป็นพระพรสำหรับผู้อื่น เช่นเดียวกับที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำกับชีวิตของ “เลวี”(มัทธิว) พระเยซู ก็จะกระทำสิ่งนี้ในชีวิตของเราด้วย อาเมน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น